วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552


Pablo Picasso is regarded as one of the greatest and most popular artists in history. He was born in Malaga, Spain in 1881. He lived in France during most of his life. He died in 1973. Pablo Picasso was a Catholic. Picasso uses a flashlight to begin making a light drawing in the airปาโบล ปีกัสโซ (Pablo Picasso)

จิตรกรเอกของโลก เป็นบุคคลที่นิตยสาร TIME ยกให้เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ในการสรางสรรค์มากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ปิกัสโซเป็นชาวสเปน มีบิดาเป็นครูสอนศิลปะในมหาวิทยาลัย เขาฉายแววการเป็นศิลปินระดับโลกด้วยการเปล่งเสียงเรียก คำแรกหลังจากที่เขาเริ่มพูดได้ นั่นคือ คำว่า lápiz (ลาปิซ) ที่แปลว่า ดินสอ แทนที่เขาจะเรียกคำแรกว่า แม่ เหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป ในวัยเด็กถ้าเขาไม่ได้อุ้มนกพิราบที่เขาเลี้ยงไว้ไปโรงเรียนด้วยละก็ เขาจะไม่ไปโรงเรียนเด็ดขาด เขาจะไม่ยอมไปจนกว่าจะได้พามันไปด้วย




Title: Blue DoveArtist : Pablo PicassoYear: 1961


ปีกัสโซได้รับของขวัญวันเกิดตอนอายุ 6 ขวบคือ จานสีและพู่กันจากคุณพ่อของเขา มีอยู่ครั้งนึงที่พ่อของปีกัสโซกำลังวาดรูปนกพิราบของเขาอยู่นั้น สิ่งที่น่าทึ่งก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อพ่อของเขาออกไปจากห้องเพื่อทำอะไรบางอย่าง ปีกัสโซได้เข้ามาในห้องและวาดภาพนกพิราบตัวนั้นด้วยมือของเขาเองต่อจากพ่อเขาจนเสร็จ เมื่อพ่อเขากลับเข้ามาจึงได้พบว่าภาพที่วาดไว้ตอนแรกนั้นเสร็จสมบูรณ์และมีพลังมากกว่าที่ตัวผู้เป็นพ่อนั้นวาดซะอีกปีกัสโซยังเป็นคนที่สูบซิการ์ อายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 12 ขวบเท่านั้น จึงอาจเป็นสาเหตุให้เขามีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปิกัสโซ จากโลกใบนี้ไปเมื่ออายุได้ 91 ปีภาพ Garçon à la pipe ในยุค Rose Periodภาพเขียนของปีกัสโซแบ่งเป็นช่วงต่าง ๆ ได้ ดังนี้Blue Period 1901-1904 (ยุคสีฟ้า) Rose Period 1904-1906 (ยุคสีชมพู) Cubism (บาศกนิยม) ยุคสีฟ้า (Blue Period) ปี ค.ศ.1901-1904ปิกัสโซ่ใช้เทคนิคการเขียนด้วยโทนสีน้ำเงิน ภาพส่วนใหญ่แสดงถึง ความอดยาก แร้นแค้น ซึมเศร้าของผู้คน และสภาพแวดล้อม โดยใช้สีโทนน้ำเงินซึ่งดูเย็นชาและหม่นมัว โดยที่มาเกิดจากที่เพื่อนของปิกัสโซ่ที่ชื่อ Casagemas ได้ฆ่าตัวตายลง ซึ่งให้ปิกัสโซ่เกิดความสะเทือนใจ เสียใจเป็นอย่างมาก และเขาเลยได้แสดงความรู้สึกนี้ ออกมาทางภาพเขียน และสอดคล้องในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒธรรมในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองบาร์เซโลน่ากับปารีสเอง ผลงานในช่วงนี้ อาทิเช่น



Title: The Old GuitaristArtist : Pablo PicassoYear: 1903
ยุคสีชมพู (Rose Period) ปี ค.ศ.1904-1906ปิกัสโซเริ่มหันมาใช้สีโทนร้อน แสดงออกในรูปของความร่าเริง เน้นพวกธีมของโลกละครสัตว์ สีสรรจะดูสดใส สว่างตามากขึ้นโดยอาศัยสีชมพูเป็นพื้นฐาน
Title: Family of SaltimbanquesArtist : Pablo PicassoYear: 1905
ยุคบาศก์นิยม (Cubism)ปี ค.ศ.1906-1973 ช่วงปลายปี 1906 ปิกัสโซ่เริ่มคิดแนวการวาดภาพแบบใหม่ โดยมี ผลงานของ เซซาน เป็นแรงบันดาลใจ รวมกับผลงาของ เฮนรี่ มาติส โจอัน มิโร และ จอร์ช บราค์ เพื่อนสนิทของปิกัสโซ่เป็นตัวจุดประกาย เขาเริ่มการวาดภาพที่ประกอบไปด้วยรูปทรงทางเรขาคณิตเป็นหลัก ความพยายามตอนแรก เขาได้ลองกับประติมากรรมก่อนจะพัฒนามาเป็นจิตรกรรมและงานวาด ผลงานในแบบ Cubism ของปิกัสโซ นับว่าโดดเด่นที่สุดในวงการศิลปะ
Title: Les Demoiselles d'AvignonArtist : Pablo PicassoYear: 1907
ทำไมถึงชอบผลงานของpicasso

เพราะว่าเค้าเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างมากของโลก และยังเป็นศิลปินยุคต้นๆอีกด้วย ด้วยความที่เค้ามีการวาดสีน้ำอย่างเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก ใครไม่เคยเห็นผลงานของเค้าคงไม่มี ด้วยความที่เค้าเป็นศิลปินคลาสสิคเลยทำให้ฉันชอบผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของเค้าด้วย

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

โครงการออกแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


ชื่อโครงการ มหาวิทยาลัย Nottingham สร้างอาคารไร้คาร์บอนในจีน

ชื่อนักศึกษา ชุติมา อนุสนธิ์



แม้จีนจะเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนมากที่สุดในโลกในตอนนี้ แต่ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแบบยั่งยืนของมหาวิทยาลัย Nottingham วิทยาเขต Ningbo ก็นับเป็นอาคารที่ไม่ปล่อยคาร์บอนเป็นอาคารแรกของจีน
อาคารแห่งนี้ใช้พลังงานหลักจากแสงอาทิตย์ร่วมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถจ่ายพลังงานให้ทั้งตึกได้ถึงสองสัปดาห์หากไม่มีแสงอาทิตย์ ส่วนระบบทำความร้อนในอาคารนั้นใช้ความร้อนจากพื้นดินขึ้นมา และตัวอาคารได้รับการออกแบบเพื่อใช้แสงอาทิตย์ และลมจากภายนอกให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ภายในอาคารนี้มีทั้งห้องวิจัย ห้องเรียน และศูนย์ผู้เข้าชม คาดว่าอาคารนี้จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนตลอดอายุการใช้งาน 25 ปีได้ถึงกว่าพันตัน

cotton's natural world.






วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปล่อยแสง 3


ปล่อยแสง 3



เทศกาลปล่อยแสง 3 ตอน เด็กฉลาด ชาติเจริญ กิจกรรมภายในโครงการ
“Creative Thailand สร้างเศรษฐกิจไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์”



โครงการที่ชอบ
โครงการที่ 1
ชื่อโครงการ หัวข้อวิทยานิพนธ์ โครงการออกแบบเครื่องประดับที่สะท้อนความรู้สึกเด็กที่มีเชื้อ HIV ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลือกปฏิบัติ

ผลงานการออกแบบของ ปัญจพล กุลปภังกร
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง

งานชิ้นนี้ที่ฉันได้ไปดู ส่วนใหญ่จะเป็นจิวรี่ เป็นจี้ ที่คล้าย symbol รูปเด็กที่สื้อถึงความทุกข์ ความเจ็บป่วย ต้องเจอด้วยโรคเอดส์รุมเร้าในชีวิต ขีวิตที่ต้องกินยาทุกวัน ฉีดยาบ่อยๆ เป็นในง่ามุมอีกมุมหนึ่ง ที่ฉันคิดว่าเค้าสื้ออกมาให้เราคิด แล้วเข้าใจสิ่งที่เค้าต้องการสื้อให้เรารับรู้เกี่ยวกับเด็กที่ติดโรคเอดส์ โดยผ่านผลงานการออกแบบเครื่องประดับ
เป็นถาพโดยรวมในงานปล่อยแสง 3

โครงการที่ 2
โครงการออกแลล Packaging มะม่วงสุก

ผลงานของ Poputh Nimchuar
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
ชิ้นนี้เห็นแล้วชอบมาก เพราะ packaging มะม่วงที่เค้าทำออกมา ดูเป็นของมีราคาขึ้นมาเลยทีเดียว ถึงแม้ว่า วัสดุที่เค้านำมาออกแบบนั้น เป็นของราคาถูก มีแค่กระดาษ และกล่องรังเท่านั้น และมันก็เหมาะมากที่จะนำมาใช้ในชีวิตจริง ซึ่งเค้าทำออกมาในสไตญี่ปุ่น น่ารักและดูดีมาก ขอชมด้วยใจจริงคะ ไม่มีรูปน่ะคะ



โครงการที่ 3
โครงการการออกแบบเสื้อผ้าจากผ้าปิดปากอนามัย
ผลงานการออกแบบของ วราภรณ์ ปานเพ็ชร
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง
โครงงานเกี่ยวกับเรื่องของความอันตรายต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเรา จะทำยังไงให้เรามีความปลอดภัยจากเชื้อโรคที่อยู่ในรอบๆตัวเราได้มากที่สุด ตอนแรกดูก็ไม่ค่อยน่าสนใจนะ แต่ฉันสนใจตรงที่เค้าออกแบบจากผ้าปิดปากอนามัยจริงๆ และสามารถใส่ได้จริง ซึ่งฉันคิดว่าทำได้ยากน่ะ ที่เราจะเอาผ้าปิดปากอนามัยมาเรียงต่อกันเป็นชุด

ยังไงก็อยากเชิญชวนเพื่อนๆไปดูงานกันเยอะๆน่ะ ยิ่งคนที่เรียนออกแบบอยู่แล้วยิ่งต้องไปดูเลย ถ้าใครไปดูไม่ทันก็ไม่เป็นไร ค่อยไปดูคราวหน้าก็ได้ รับรองต้องมีอีกแน่ ปล่อยแสง 4

Home โฮม เปิดหน้าต่างโลก



จะกล่าวได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณภาพมีคุณภาพมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ มีการหยิบยกมุมมองใหม่ให้กับธรรมชาติที่สวยงามในสิ่งที่อาจมองข้ามไปจากมุมมองเดิมๆในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็น และตระหนักถึงความสำคัญของผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม การใช้ทรัพยากรอย่างไม่หยุดหย่อน การเอาเปรียบธรรมชาติ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการสร้างและปลุกจิตสำนึกของมนุษย์ให้เกิดความรักต่อโลกของเรา และรักษาเอาไว้ให้นาน จากผลงานกำกับของ ยานน์ อาร์ทัส-เบอร์ทรานด์
Home ต้องการถ่ายทอดเรื่องราว ต่างๆจากทั่วทุกมุมโลกถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังจะเกิดขึ้น เพื่อต้องการให้เราทุกคนได้ตระหนักและหวงแหน ทรัพยากรธรรมชาติ ให้ช่วยกันปกป้องโลก เหมือนเราปกป้องบ้านของเราเอง
มนุษยชาติเหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 ปีเพื่อกลับตัวกลับใจ เพื่อตระหนักถึงความอุดมสมบูรณ์ของโลกที่สูญสิ้นไปทุกหย่อมหญ้า และเพื่อเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการผลาญทรัพยากร
20% ของประชากรโลกถลุงทรัพยาการของดาวดวงนี้ไปถึง 80%- ทั้งโลกใช้จ่ายด้านยุทโธปกรณ์มากกว่านำเงินไปช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาถึง 12 เท่า- 5 พันคนต่อวันเสียชีวิตเพราะน้ำดื่มที่ปนเปื้อน และ 1 พันล้านคนไม่มีน้ำสะอาดไว้ดื่ม- 1 พันล้านคนกำลังหิวโหย- กว่า 50% ของเมล็ดธัญพืชที่ซื้อขายกันทั่วโลกใช้เป็นอาหารสัตว์และผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ- พื้นที่กสิกรรมเสื่อมสภาพไปถึง 40%- ทุกๆ ปี พื้นที่ป่าสูญหายไป 13 ล้านเฮกตาร์- 1 ใน 4 ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, 1 ใน 8 ของนก และ 1 ใน 3 ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำใกล้จะสูญพันธุ์ - สัตว์หลายๆ สปีชี่ตายเร็วกว่าอายุขัยตามธรรมชาติถึง 1 พันเท่า- ผลิตผลทางการประมงลดน้อยลง สูญสิ้น หรือเสี่ยงต่อการสูญสิ้นถึง 75%- ตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติ อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานับว่าสูงที่สุด- แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกบางลงถึง 40% ในระยะเวลา 40 ปี- ก่อนถึงปี 2050 คาดว่าจะมีผู้ลี้ภัยจากสภาพอากาศอันเลวร้าย 200 ล้านคน

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ศูนย์เครือข่ายเพื่อการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


เอ็มเทคร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุกสู่แนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เปิด “ศูนย์เครือข่ายเพื่อการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” หวังให้อุตสาหกรรมไทยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดช่วงชีวิตของผลิตภัณฑ์หรือบริการ
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดตั้ง “ศูนย์เครือข่ายเพื่อการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ ให้คำปรึกษา บริการออกแบบ วิจัยและพัฒนาด้านการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นนี้เป็นกิจกรรมหนึ่งของศูนย์ความเป็นเลิศในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Excellent Center for Eco-Product (EXEP) ของเอ็มเทค ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวจะเป็นการรวบรวมความรู้ความสามารถจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างให้เกิดแหล่งรวมความรู้และความชำนาญเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไทยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยจะมีการขยายเครือข่ายออกไปให้เข้าถึงผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย
รศ.ดร. วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ผู้อำนวยการเอ็มเทค กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างเอ็มเทคและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในครั้งนี้เป็นการบูรณาการความรู้ความเชี่ยวชาญเข้าด้วยกันเพื่อส่งเสริมให้เกิดผลงานที่ดีขึ้น หรือที่เรียกว่า Synergy โดยที่เอ็มเทคมีความเชี่ยวชาญในด้านวัสดุ วิศวกรรมการออกแบบและผลิต ขณะที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมืองมีความเชี่ยวชาญในด้านการออกแบบ จึงเป็นความร่วมมือที่เกิดจากการรวมความสามารถในด้านที่แตกต่างกัน แต่จะช่วยเสริมซึ่งกันให้เกิดการพัฒนาด้านการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นการสร้างพันธมิตรที่ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันต่อไป โดยทางเอ็มเทคพร้อมให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิคเพื่อสนับสนุนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด